• ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 น. -16.00 น.

21 วันแห่งการทรงงานแพทย์
ณ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่

room21

…เมื่อต้องการ 

ให้ตามได้ทุกเวลา

ให้ทำเหมือนกับพ่อเลี้ยงคอร์ท

ไม่ต้องเกรงใจ…

รับสั่งกับกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล

ขณะทรงงานแพทย์ ณ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

วันที่ 26 เมษายน ถึง 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1629 (พ.ศ. 2472)

สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์

เสด็จมาทรงงานแพทย์

ณ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่

   สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์หนึ่งเสด็จมาปฏิบัติพระกรณียกิจอย่างแพทย์สามัญในโรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ เมื่อ คริสต์ศักราช 1929 (พ.ศ. 2472) เป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งที่ชาวเชียงใหม่มีโอกาสได้รับพระกรุณาธิคุณอย่างใกล้ชิด จากสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ ที่ชาวเชียงใหม่เรียกขานว่า “หมอเจ้าฟ้า”

   คริสต์ศักราช 1928 (พ.ศ. 2471) สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา เมื่อเสด็จกลับเมืองไทยแล้ว ทรงทำเวชปฏิบัติในฐานะแพทย์ และทรงงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาการแพทย์ไทยโดยรวม

   เมื่อแรกนั้น สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช มีพระประสงค์ทรงงานเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ไม่เป็นไปตามพระประสงค์นั้น จึงทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปทรงงานเวชปฏิบัติที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่

   เหตุนั้นมาจาก ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2471) นายแพทย์ เอ็ดวิน ชาร์ลส คอร์ท ลงไปประชุมที่กรุงเทพฯ และได้รับเชิญจากทางวังสระปทุม ให้ร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารค่ำกับสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ และหม่อมสังวาลย์  การสนทนาในค่ำนั้นมีเรื่องที่จะเสด็จขึ้นมาทรงงานที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่

    สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดชมีพระดำรัส กับ นายแพทย์คอร์ท ว่าถ้าได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จขึ้นไปทรงงานที่เชียงใหม่  

หนังสือกราบบังคมทูลลาไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

หนังสือโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาต

21-room-2

   เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล มีลายพระหัตถ์ถึง นายแพทย์เฮนรี ่ อาร์ โอไบร์อัน  (Henry R.O’Brien, M.D.,M.Ph.) แจ้งว่า จะเสด็จขึ้นไปทรงงานแพทย์ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ ประมาณวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) เมื่อนายแพทยท์คอร์ท ทราบกำหนดการเสด็จ จึงเขียนจดหมายกราบทูล ว่าอากาศที่เชียงใหม่ร้อนมากกว่ากรุงเทพ ฯ

   กำหนดการเสด็จทรงงานแพทย์ ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค อยู่ระหว่างวันที่ 26 เมษายน ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) ตามลำดับการเสด็จ ดังนี้ 

   วันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) เสด็จจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปจังหวัดเชียงใหม่โดยรถไฟ

   วันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ เสด็จถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่เวลา 18.30 น. พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงค์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพเฝ้ารับเสด็จ และนำเสด็จไปยังจวนเทศาภิบาล จากนั้นจึงเสด็จมาที่ประทับ (บ้านพักนายแพทย์คอร์ท) ก่อนเวลาเสวยพระกระยาหารค่ำ

   วันที่ 26 เมษายน ถึง วันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1929 (พ.ศ. 2472) สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ ได้เสด็จทรงงานเวชปฏิบัติที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

การทรงงานเวชปฏิบัติที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค มีดังนี้

   ที่แผนกผู้ป่วยนอก ทรงติดตามหมอคอร์ทออกตรวจรักษาผู้ป่วยนอกทุกเช้าเป็นประจำ  หมอบุญทา นันทิยา ได้เขียนจดหมายเล่าว่า…

   “พระองค์ท่านทรงถ่อมพระเกียรติ ทรงตรวจคนไข้เอง และทรงตรัสทักทายกับคนไข้ด้วยพระวาจาที่อ่อนหวาน และยังสังเกตได้ว่าพระองค์ท่านไม่ถือพระองค์  ถึงแม้จะเป็นเจ้านายชั้นสูงก็ตาม  เมื่อเสด็จมาถึงห้องตรวจ ก่อนอื่นพระองค์จะตรัสถาม ว่า “มีคนไข้หนักกี่คน คนไหนที่โลหิตตก ปวดท้อง ให้รับการตรวจก่อน ไม่ให้คอยตามเลขที่…”

หมอบุญทา นันทิยา
ผู้ช่วยแพทย์

   ทรงตรวจรักษาผู้ป่วยใน และเสด็จเยี่ยมผู้ป่วยในทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน

   อาจารย์ศรีวิไล สิงหเนตร อาจารย์พยาบาล ได้บันทึกเล่าว่า…  

   “ครั้งแรกที่หมอเจ้าฟ้าต้องรับหน้าที่ของหมอคอร์ท เมื่อหมอคอร์ท ต้องรับ Call ไปต่างจังหวัด หลังอาหารมื้อเย็น หมอเจ้าฟ้าก็เสด็จไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำ Ward Round ขณะนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. ข้าพเจ้าเห็นท่านที่ ตึก เอทู ในลักษณะแขน Shirt พับขึ้นเหนือข้อศอกทั้งสองข้าง ส่องไฟฉายเข้ามุ้งอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้แสงไฟส่องผู้ป่วย ซึ่งส่วนมากจะเป็นเด็ก แต่มีผู้ปกครองอยู่ด้วย พระองค์ท่านทรงเยี่ยมทุกเตียงที่เขาต้องการท่าน คนไข้บางคนเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือบางคนก็ไม่มี Complaints แต่เพราะอยากจะชมพระบารมี ก็บ่นว่าปวดท้อง ปวดศีรษะ ฯลฯ ซึ่งก็ได้รับการเอาใจใส่จากพระองค์ท่านทุกคน”

ศาสตราจารย์กิตติคุณศรีวิไล สิงหเนตร
อาจารย์พยาบาล

   ทรงงาน On call 24 ชั่วโมง ร่วมกับ นายแพทย์คอร์ท และทรงรับ On call  แทนนายแพทย์คอร์ท ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อนายแพทย์คอร์ทรับเชิญไปตรวจผู้ป่วย หรือไปนมัสการพระเจ้านอกโรงพยาบาล 

   อาจารย์ศรีวิไล สิงห์เนตร ได้บันทึกเล่าว่า…

   “หมอเจ้าฟ้าได้ติดตามพ่อเลี้ยงคอร์ท อย่างใกล้ชิด ทุกเช้า ทุกเย็น และกลางคืนด้วย และทำการรักษาพยาบาลร่วมกันตลอดมา พ่อเลี้ยงคอร์ท On call 24 ชั่วโมง หมอเจ้าฟ้าก็ On call 24 ชั่วโมง เช่นกัน เพราะทั้งแพทย์และพยาบาลมีจำนวนจำกัด ”

 

   ทรงงานผ่าตัดผู้ป่วย ร่วมกับนายแพทย์คอร์ท และนายแพทย์จินดา สิงหเนตร

   นายแพทย์จินดา สิงหเนตร ได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า…

   “งานด้าน พระราชกรณีย์กิจที่ห้องผ่าตัด หมอเจ้าฟ้า จะเป็นแพทย์ผู้ช่วย หมอคอร์ท ในการผ่าตัด และในเวลานั้น นิ่ว เป็นกันมากผ่าตัดบ่อยจนชำนาญ หมอเจ้าฟ้า ก็ร่วมผ่าตัด นิ่ว กับหมอจินดา”

นายแพทย์จินดา สิงหเนตร
แพทย์ประจำบ้าน

   เสด็จเยี่ยมผู้ป่วยตามบ้าน ร่วมกับนายแพทย์คอร์ท ในเวลาว่างจากงาน

   อาจารย์ศรีวิไล สิงหเนตร อาจารย์พยาบาล ได้บันทึกเล่าว่า…

   “ยามว่างจากงานทางโรงพยาบาล พ่อเลี้ยงคอร์ทและแม่เลี้ยงคอร์ท พร้อมทั้งพระองค์ท่าน มักจะนั่งรถยนต์ไปเที่ยวหรือเยี่ยมผู้ป่วยบางคน โดยสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (หมอเจ้าฟ้า) ประทับระหว่างพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง เสมือนบิดามารดาและบุตร ประชาชนผู้รู้เห็นภาพดังกล่าว พลอยมีความรู้สึกชื่นตาชื่นใจไปด้วย”

   เสด็จไปทรงงานที่ห้องปฎิบัติการ(LAB)

   หมอจันทร์แดง เมธา ให้สัมภาษณ์ว่า…

   “พระองค์ท่านจะสนใจผู้ป่วยอย่างจริงจัง อย่างเช่นผู้ป่วยที่มีปัญหาทางลำไส้ก็จะส่ง Stool To Lab ทันที และพระองค์จะไม่คอยรับผล Lab จากเจ้าหน้าที่ แต่จะเสด็จไปดูที่ห้อง Lab โดยพระองค์เอง นอกจากนี้พระองค์ทรง Microscope เองแล้ว จะทรงรักษาผู้ป่วยเอง ในรายที่พระองค์สงสัยเป็นวัณโรค พระองค์จะนำ Sputum ไปย้อมสีด้วยพระองค์เอง”

หมอจันทร์แดง เมธา
ผู้ช่วยแพทย์

   ทรงทำ Group matching  กับพระโลหิตของพระองค์  และได้ทรงร่วมกับนายแพทย์เฮนรี่ อาร์ โอไบร์อัน ในการให้เลือดแก่ ด.ช.บุญยิ่ง นักเรียนโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย หลังจากที่ได้รับผ่าตัดแล้วในวันก่อน

   นางมาเบล คอร์ท ภรรยานายแพทย์คอร์ท เขียนจดหมายเล่าให้แม่ว่า… 

   “คุณปราณี พยาบาลห้องผ่าตัดวิ่งมารายงานว่า เด็กชายบุญยิ่ง ที่ถูกปืนลั่นใส่ตนเองเมื่อคืนวานนี้ มีอาการตกเลือดและอยู่ในภาวะอันตราย  ฉันรีบโยนเสื้อคลุมออก และร้องบอกให้หมอเจ้าฟ้ารีบแต่งตัว ฉันคิดว่าพระองค์ใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงโรงพยาบาล และตรวจพบว่าผ้าที่ปิดไว้เพื่อห้ามเลือดได้หลุดออก เด็กเสียเลือดประมาณ ควอร์ท (1 ใน 4 ของแกลอน) พระองค์เสด็จลงมาโทรศัพท์ถึง นายแพทย์เฮนรี่ อาร์ โอไบร์อัน แล้วทรงรีบวิ่งมาดูคนไข้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้เสวยอาหารเช้า  เขาทั้งสองทำงานด้วยกันเพื่อช่วยเหลือเด็กชายบุญยิ่งตลอดวัน  การให้เลือดตอนบ่ายซึ่งนั่นหมายถึงเป็นงานหนักมาก เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีเครื่องมือเครื่องใช้ที่พร้อมบริบูรณ์ หมอเจ้าฟ้าทรงงานถึงบ่ายสี่โมง จึงสามารถเติมเลือดให้เด็กชายบุญยิ่ง ได้ 5๐ ซี.ซี  เมื่อความดันเพิ่มขึ้นและบาดแผลเปิดออกอีก และต้องห้ามเลือด หมอเจ้าฟ้าทรงตระหนักว่า เด็กชายบุญยิ่งอาจไม่มีชีวิตรอดในคืนนี้ แต่ก็พบว่ารุ่งเช้า เด็กชายบุญยิ่งมีอาการดีขึ้น”

 

   วันที่ 17 พฤษภาคม พุทธศักราช 2472 เสด็จกลับพระนคร ในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข กรมพระยาภาณุพันธุ์วงค์วรเดช เดิมนั้นมีพระประสงค์จะเสด็จไปรับครอบครัวและกลับมาทรงงานต่อ แต่การมิได้เป็นเช่นนั้น ด้วยทรงประชวรต้องประทับอยู่แต่ในพระตำหนัก ตลอดเวลามีรับสั่งเรื่องการพัฒนาการแพทย์ไทย จนเสด็จสวรรคต ในวันที่ 24 กันยายน พุทธศักราช 2472 (ค.ศ. 1929)

   นับจากการเสด็จทรงงานที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค วันที่ 26 เมษายน ถึง วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) รวมเป็นระยะเวลา 21 วัน ถึงแม้วันเวลาจะไม่นานนัก แต่พระเกียรติคุณ และพระกรณียกิจยังบันทึกอยู่ในความทรงจำ และงอกงามหยั่งรากลึกเป็นพื้นฐานที่มั่นคงทางการแพทย์ การพยาบาล และการสาธารณสุขของไทยสืบมา

   อ้างอิง ศิริราชสานความตั้งใจ จัดสร้าง”พิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า” เชิดชู พระเกียรติคุณสมเด็จพระบรมราชชนก ,วิกัลย์ พงศ์พนิตานนท์, หน้า 10 – 11.ศิริราชประชาสัมพันธ์ ปีที่ 29 ฉบับที่ 390 มกราคม 2560

   จดหมาย Missis Mabel Cort  ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1929

หลักฐานพระหัตถ์เลขา  ถึง หลวงนิตย์
ในระหว่างการเสด็จทรงงานแพทย์ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

กล้องจุลทรรศน์

    กล้องจุลทรรศน์ ที่ทรงใช้ในระหว่างที่ทรงงานแพทย์  ณ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

   ปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า  ในพระราชูปถัมภ์ฯ

ข้อมูลของกล้องจุลทรรศน์

Microscope Brand
To Ko Precise
Tokyo Kogaku Microscope
– Measures 12” tall on the top of cilculas plate
– The base is 5 ½ “Across
Tested by parsons optical laboratories 5/8 Powell Street San Francisco
Serial Or Model   No.111814

Note .cabinet it s a vintage and scarce Tokyo Kogaku Microscope with an unusal  Curved Desing +Swivel
See.the origin of Nikon as Nippon kogaku K.K. 1917

   กล้องจุลทรรศน์ ตัวนี้ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เคยทรงใช้ในการตรวจ  เสมหะ ปัสสาวะ ฯ ของผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัยโรค เมื่อครั้งเสด็จมาทรงงานแพทย์ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ระหว่างวันที่ 26 เมษายน ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2472 ดังหมอจันทร์แดง เมธา ได้เล่าว่า    

   “พระองค์ท่านจะสนใจผู้ป่วยอย่างจริงจัง  อย่างเช่นผู้ป่วยที่ที่มีปัญหาทางลำไส้ก็จะส่ง Stoo To Lab ทันทีและพระองค์จะไม่คอยรับผล Lab  จากเจ้าหน้าที่ แต่จะทรงเสด็จไปดูที่ห้อง Lab โดยพระองค์เอง นอกจากนี้พระองค์ทรง Microscope เองแล้ว จะทรงรักษาผู้ป่วยเอง ในรายที่พระองค์สงสัยเป็นวัณโรคพระองค์จะนำ Sputum ไปย้อมสีด้วยพระองค์เอง”

   และหมอจันทร์แดง เมธา ได้เล่าถึงการทรงงานในห้อง LAB อีกว่า “มีครั้งหนึ่งผม ลืมหมวกไว้บนหลังตู้ในห้อง Lab ผม จึงกลับเข้าไปเอาหมวกในห้องแลป แต่ต้องหยุดทันทีเพราะว่าพบพระองค์กำลังทรงกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว”

   วันที่เสด็จกลับกรุงเทพฯ
   วันที่ 17 พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๒ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนสงขลานครินทร์ ประทับรถไฟเสด็จกลับพระนคร วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 เสด็จถึงกรุงเทพฯแล้ว เสด็จไปโรงพยาบาลศิริราช ทรงนำขวดใส่ชิ้นเนื้อ ชิ้นหนึ่งเป็นส่วนของมดลูก อีกชิ้นเป็นส่วนของตับ ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา

   เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ เสด็จขึ้นจากเรือจ้างที่ท่าน้ำศิริราช ในตอนบ่ายวันนั้นพระหัตถ์ทรงหิ้วขวด Sepecimem ที่มีชิ้นส่วนลำไส้ผู้ป่วยโรคบิดอยู่ภายใน เมื่อทรงทักทายแล้วรีบรับสั่งให้ช่วยพาไปหา Dr. Noble2

 หลักฐานบันทึก การทรงส่งตรวจ Specimen ในสมุดทะเบียนบันทึก รับเลขที่ 592
และ 593 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม
Hospital No 8330 ของ โรงพยาบาลศิริราช

 อ้างอิง
 
  1. สรรใจ แสงวิเชียร หมอเจ้าฟ้า ต้นฉบับแก้ไข ครั้งที่ 4 วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ภาคที่ 4 ปัจฉิมภาค หน้า 118
   2. ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สุด แสงวิเชียร หนังสือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระผู้เป็นแบบอย่าง หน้า 80

พระราชดำริ
ระหว่างการทรงงานแพทย์ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

   จัดหาเครื่องเอ็กซเรย์ ให้กับโรงพยาบาล ดังนายแพทย์จินดา สิงหเนตร ได้เล่าว่า

   “เรื่องเครื่องเอ็กซเรย์ ในเวลานั้นโรงพยาบาลยังไม่มีเครื่องเอ็กซเรย์ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ พระองค์ได้ดำริจะจัดหาให้  ต่อมา หลังพระองค์สิ้นพระชนม์ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ได้ส่ง เงินพระราชทาน มาให้ตามพระดำริของ หมอเจ้าฟ้า ที่จะจัดหาเครื่องเอ็กซเรย์ ให้โรงพยาบาล ซึ่งเป็นเงิน จำนวน 3,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา โรงพยาบาลจึงได้จัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์ ขนาด 25 มิลิแอมป์ และเครื่องนี้ได้ใช้มาจนถึงหลังสงครามโลก”

โรงพยาบาลแมคคอร์มิคได้จัดซื้อ  เครื่อง X-Ray ใน ปี พ.ศ. 2467
ด้วยเงินพระราชทาน จากพระราชดำริ และเงินสมทบจากพ่อค้าคหบดีในเชียงใหม่

ข้อมูล เครื่อง
   Westing house  X – Ray  Company Incorporated
   Long Island City.New York U.S.A.
   – Voltes 75 – 120
   – Cycle  50 – 60
   Ser. No 40281  Wiring No 40-561

เอกสารที่ระบุ การรับเงินพระราชทาน
รายพระนาม และชื่อผู้สมทบเงินซื้อเครื่อง X-ray

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้