โรงพยาบาลอเมริกันมิชชัน เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในภาคเหนือ การรักษาแผนตะวันตกนั้นมีจุดเริ่มต้นเมื่อศาสนาจารย์ดาเนียล แมคกิลวารี อเมริกันมิชชันนารี เดินทางมาถึงเชียงใหม่ เมื่อ ค.ศ. 1867 (พ.ศ. 2410) ในช่วงเวลานั้นการดูแลรักษาผู้ป่วยอาศัยภูมิปัญญาพื้นบ้าน และความเชื่อทางไสยศาสตร์
ศาสนาจารย์ ดาเนียล แมคกิลวารี (ภาพขวามือ)
วันจันทร์ ที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1867 (พ.ศ. 2410) ศาสนาจารย์ดาเนียล แมคกิลวารี เดินทางมาถึงเชียงใหม่ เพื่อประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ได้เข้าพักอาศัยที่ศาลาแสนคำมา (บริเวณตรอกข่วงเมรุปัจจุบัน) มีคนเจ็บป่วยเป็นจำนวนมากที่ต้องการให้ช่วยรักษามาหาที่บ้านพัก ศาสนาจารย์แมคกิลวารี ไม่สามารถปฎิเสธได้จึงได้ใช้ยาแผนปัจจุบันที่ติดตัวมา แจกจ่ายช่วยเหลือ ผู้เจ็บป่วยเหล่านั้น จนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน ต่อมาเจ้าหลวงกาวิโลรส เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้รับสั่งให้ศาสนาจารย์แมคกิลวารี หยุดสอนเรื่องศาสนาคริสต์ แต่ยังทรงอนุญาตให้ทำการรักษาคนเจ็บป่วยได้ ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ศาสนาจารย์ดาเนียล แมคกิลวารี เป็นคนแรกที่นำการบำบัดรักษาแผนปัจจุบันเข้าสู่เชียงใหม่
วันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1872 (พ.ศ. 2415) นายแพทย์ ชาลส์ เวสลี่ วรูแมน แพทย์มิชชันนารีชาวอเมริกัน แพทย์แผนปัจจุบันคนแรกที่เข้ามาประจำเชียงใหม่ มีการสร้างอาคารโรงพยาบาลชั่วคราวครั้งแรก ด้วยไม้ไผ่ แบบตูบ จำนวน 6 หลัง
นายแพทย์แมเรียน เอ.ซีค
วันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 1875 (พ.ศ. 2418) นายแพทย์แมเรียน เอ ซีค แพทย์มิชชันนารี มารับงานต่อจาก นายแพทย์ชาร์ล เวสลี่ วูรแมน และในปี ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2429) นายแพทย์แมเรียน เอ ซีค ได้ลาออกจากการเป็นมิชชันนารี และไปประกอบอาชีพส่วนตัว
วันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2429) นายแพทย์ เอ เอ็ม แครี่รับงานต่อจาก นายแพทย์แมเรียน เอ ซีค ในปีนั้น ใช้เงินจำนวน 10,000 เหรียญสหรัฐ(หนึ่งหมื่นเหรียญสหรัฐ) ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกลางเพรสไบทีเรียน สหรัฐอเมริกา นำมาพัฒนาสถานจำหน่ายยาของคณะมิชชันนารี เป็นโรงพยาบาลให้การรักษาและการผ่าตัดผู้ป่วยตั้งแต่ ค.ศ. 1888 (พ.ศ. 2431) เป็นรากฐานของโรงพยาบาลถาวร จุดกำเนิดของโรงพยาบาลอเมริกันมิชชัน
ในเดือน มกราคม ค.ศ. 1890 (พ.ศ. 2433) นายแพทย์ เจมส์ ดับบลิว แมคเคน เข้ามารับผิดชอบงานโรงพยาบาลอเมริกันมิชชัน นายแพทย์แมคเคนบันทึกว่า เมื่อมาถึงมีโรงพยาบาลแล้ว มีที่เก็บยาและมีห้องว่าง 3 ห้อง มีเครื่องมือผ่าตัดและมีจำนวนเตียงผู้ป่วย 8 ถึง 10 เตียง อาคารสถานที่ มีอาคาร 4 หลัง ได้แก่ อาคารโรงพยาบาล มีห้องขายยา ห้องตรวจ ห้องผ่าตัด ห้องผู้ป่วย และห้องนมัสการพระเจ้า อาคารผู้ป่วยพิเศษ 6 ห้อง เรียกว่า เรือนจ้าว อาคารผู้ป่วยต่างชาติ 2 ห้อง เรียกว่า เรือนฝรั่งและบ้านพักแพทย์ 1 หลัง
การผลิตหนองฝีป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ
มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการแพทยและการสาธารณสุข เช่น การผลิตหนองฝีป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษที่ระบาดในเวลานั้น และมีผู้รับการปลูกฝีจำนวนมาก การผลิตหนองฝีของนายแพทย์แมคเคน ใช้หนองฝีจากผู้ป่วยโรคฝีดาษไปปลูกที่ท้องวัว เมื่อฝีที่ท้องวัวขึ้นงามดีแล้ว ก็นำหนองฝีไปปลูกให้คนโดยตรง ดังนั้นเวลาปลูกฝี จึงต้องเอาวัวขึ้นไปนอนบนโต๊ะใกล้กับเก้าอี้พนักงานปลูกฝีนั่งปฏิบัติงาน เพื่อจะเอาหนองฝีจากวัวมาปลูกให้กับคนได้สะดวก นายแพทย์แมคเคน ฝึกพนักงานปลูกฝีร่วม 200 คนผลงานของท่านทำให้โรคฝีดาษหายไปจาก
เครื่องปั้มเม็ดยา ที่ นพ.แมคเคน นำเข้ามาผลิตยาเม็ดควินิน
นอกจากนี้ นายแพทย์แมคเคน ยังเป็นผู้นำเครื่องจักรทำยาเม็ดควินิน เข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกามาทำยาเม็ดควินิน จำหน่ายจ่าย แจก แก่ผู้ป่วยโรคมาลาเรีย ลักษณะของยาเม็ดนี้ ด้านหน้าเม็ดยาเป็นตัวอักษร อ.ม. คือย่อมาจากคำว่าอเมริกันมิชชัน ด้านหลังเม็ดยาเป็นเลข 5 หรือ เลข 3 คือ ห้าเกรน หรือ 3 เกรน (ขนาดของยา) คนทั่วไปเรียกว่ายา อ.ม. ใช้ในการรักษาโรคไข้มาลาเรีย
ค.ศ. 1906 – 1907 (พ.ศ. 2449 – 2450) นายแพทย์คลอร์ด วิลเลียม เมสัน ได้รับแต่งตั้งให้มาเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลอเมริกันมิชชัน และได้เป็นแพทย์ผู้นำในการผ่าตัดแบบปลอดเชื้อ และเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
ต่อมา ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2449) นายแพทย์แมคเคน ได้ไปรับผิดชอบงานนิคมผู้ป่วยโรคเรื้อน (Lepers Asylum) ต่อมาคือ สถาบันแมคเคนเพื่อการฟื้นฟูสภาพ
ค.ศ. 1915 (พ.ศ. 2458) นายแพทย์เอ็ดวิน ชาร์ลส คอร์ท กลับมาเป็นแพทย์โรงพยาบาลอเมริกันมิชชัน อีกครั้ง หลังจากเคยมาช่วยงานแพทย์ใน ค.ศ. 1910 (พ.ศ. 2451) และได้ย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลแพร่
โรงพยาบาลอเมริกันมิชชั่น หลังปิดทำการ
โรงพยาบาลอเมริกันมิชชัน ได้ทำพันธกิจ การบำบัดรักษาด้วยการแพทย์แผนตะวันตก ให้ แก่ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียง ระหว่าง ค.ศ. 1872 – 1925 (พ.ศ. 2415- 2467) รวมเป็นระยะเวลา 52 ปี นับเป็น คุณูประการอย่างใหญ่หลวง
นางเน็ตตี้ ฟาวเลอร์ ไซรัส แมคคอร์มิค บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลบนพื้นที่แห่งใหม่ ตำบลหนองเส็ง ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง เมื่อสร้างเสร็จใน ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2467) โรงพยาบาลอเมริกันมิชชันจึงย้ายไป ณ ที่ตั้งใหม่ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคหลัก จึงเปลี่ยน ชื่อเป็น โรงพยาบาลแมคคอร์มิค
ต่อมา สภากาชาดสยาม แจ้งขอใช้พื้นที่ของ โรงพยาบาลอเมริกันมิชชันไปยังคณะมิชชันนารี เชียงใหม่ เพื่อประโยชน์ต่อการบริการชุมชนนายแพทย์เจมส์ ดับบลิว แมคเคน จึงมีหนังสือ ลงวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1928 (พ.ศ. 2471) ในนามคณะเพรสไบทีเรียน นิวยอร์ก โอนที่ดิน และโรงเรือน ( อาคารเก่าของโรงพยาบาล ) ให้ เป็นกรรมสิทธิ์ของสภากาชาดสยามโดย ไม่คิดมูลค่า
กองอนามัย (The Health Section Bangkok, Siam) จึงสร้างสถานีอนามัย 3 ขึ้น โดยใช้ไม้ จากอาคารโรงพยาบาลเดิมบางส่วน เปิดทำการ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) รูปกาชาดปัจจุบัน
บรรณานุกรม
สารศิริราช ปีที่ 36,ฉบับที่ 3,มีนาคม 2527 หน้า 181 ,แพทย์คนสำคัญ ๆ และประวัติบางตอนของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค,เชียงใหม่ ,สุด แสงวิเชียร พ.ด.,วทด.
แมคคอร์มิค 95 ปีแห่งการบริการ, 5 แผ่นดินของแมคคอร์มิค
Daniel McGilvary.A Half Century Among the Siamese and the Lao ( New York .Fleming H.Revell Company 1911) P 59-63.
EDWARD M DODD,M.D. Doctor and Friend James W. Mckean, M.D. Page 2-3,
Doctor and Friend, The Story of Jewus.W.Mckean M.D. New york city. Associatian PRESS.
อนุบาลรำลึก เรื่องการสร้างสถานีอนามัยที่พิมพ์เป็นบรรณการในงาน พระราชทานเพลิงศพ อำมาตย์เอก อำมาตย์อก พระยาอนุบาลพายัพกิจ ต.ช.,ต.ม. (ปุ่น อาสนจินดา) 16 มีนาคม 2512 หน้าที่ 288
โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ถนนแก้วนวรัฐ
ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50000
เปิดบริการ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์
เวลา 09.00 น. - 16.00 น.
หยุดวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
โทรศัพท์ : 080 748 3010