• ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 น. -16.00 น.

ภาษาไทย
ภาษาอังกฤษ

นายแพทย์เจมส์ วิลเลียม แมคเคน
(Elder Dr. James William McKean, M.D.)
ค.ศ. 1889 - 1931
(พ.ศ. 2432 - 2474)

   นายแพทย์แมคเคน เป็นแพทย์มิชชันนารี คณะอเมริกันเพรสไบทีเรียนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นมิชชันนารีให้มารับผิดชอบงานด้านการบำบัดรักษาที่นครเชียงใหม่ ท่านเริ่มงานของท่านที่โรงพยาบาลบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงใกล้กับตลาดวโรรส ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งของสถานีกาชาด 3

   จากจดหมายของนายแพทย์แมคเคนฉบับหนึ่งที่เขียนถึงภรรยาของท่านได้บรรยายถึงการทำงานของท่าน วันอาทิตย์ ที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1901 ท่านเขียนว่า ในช่วงบ่ายสาม บ่ายสี่ ท่านกำลังจะไปนมัสการบ่าย ขณะที่ขี่ม้าไปถึงหน้าบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า ท่านพบกับนายบุญทา คริสเตียนจากบ้านหนองฟาน (อยู่ติดกับบ้านกู่เสือ เขตอำเภอสารภี) มาขอให้ท่านไปช่วยภรรยาของเขาที่คลอดลูก แต่เด็กเสียชีวิตคาช่องคลอด นายแพทย์แมคเคนต้องรีบกลับไปบ้าน (ที่โรงเรียนนานชาติเชียงใหม่(CMIS) ปัจจุบัน) เตรียมอุปกรณ์ และยาต่าง ๆ และขึ้นม้าไปกับนายคำอ้าย (Cum Ai) ก่อนจะถึงบ้านผู้ป่วย ท่านก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้หญิง เมื่อเธอรู้ว่าท่านมาถึงเธอก็ได้ร้องขอให้ท่านช่วยเธอ ในขณะที่ท่านเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่านได้สั่งให้คำอ้ายให้ Chloroform กับผู้หญิงนั้นเพื่อช่วยเธอ แต่คำอ้ายกลับบอกว่า Chloroform ไม่มีเนื่องจากหกไปหมดระหว่างเดินทาง (Cum Ai showed me the Chloroform bottle empty !!! ) ท่านสั่งให้คำอ้ายกลับไปเอา Chloroform ท่านบรรยายว่าผู้หญิงนอนเปลือยเปล่า (bare from head to foot) อยู่บนพื้น ในกระท่อมที่สร้างบนพื้นไม่มีเสา (built on ground without posts) ผู้หญิงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน แต่ท่านไม่มี Chloroform แม้แต่หยดเดียว (I hadn’t a drop of Chloroform) ท่านจะทำอย่างไรที่จะเอาเด็กออกโดยไม่มี Chloroform ในที่สุดท่านได้ตัดสินใจใช้เลื่อยไฟฟ้าที่ท่านมีตัดศีรษะเด็กที่เสียชีวิตแล้ว และนำเด็กออกมาได้ เป็นการช่วยแม่ของเด็ก ท่านบอกว่านี่คุ้มค่าในการเดินทางมาสยาม (It is worth coming all the way to Siam – to have the privilege of doing one job of that kind) ท่านต้องขี่ม้าตากฝนกลับบ้านหลังจากทำคลอดเสร็จ ในวันจันทร์ ที่ 1 กรกฎาคม ท่านกลับไปเยี่ยมผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งและพบว่าเธอเสียชีวิตและญาติได้ฝังร่างเธอแล้ว นายแพทย์แมคเคนมั่นใจว่าที่เธอเสียชีวิตเพราะท่านไม่มี Chloroform ในเวลานั้น เพราะท่านเคยทำมาแล้วสามราย ทั้งสามรายที่ท่านใช้ Chloroform ทั้งสามรายรอดชีวิต

   ท่านรายงานในปี ค.ศ.1901 ว่า “จุดประสงค์หลักของร้านขายยาของมิชชั่นไม่ใช่เพื่อการค้า…วัตถุประสงค์หลักคือการเข้าถึงชาวบ้านและมีอิทธิพลต่อพวกเขา (The chief aim of the mission dispensary is not commercial…Our main object is to reach the people and influence them.)”

  นายแพทย์แมคเคนเขียนในรายงานส่วนตัวของท่านว่า “ทุกปีจะมีคนป่วยหนักเพิ่มมากขึ้นที่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ประตูโรงพยาบาล หรือประตูบ้านของเราโดยญาติพี่น้องของเขาที่ไม่ต้องการดูแลคนเหล่านนี้อีกต่อไป เราพยายามทำให้ดีที่สุดสำหรับเขาเหล่านี้ในวันเวลาที่เหลืออยู่ของเขา และช่วยฝังเขาเมื่อเสียชีวิต…แม้ว่าจะลำบาก แต่เวลาที่ผ่านมากว่ายี่สิบปี โรงพยาบาล และร้านขายยายังอยู่ได้ เลี้ยงตัวเองได้”

  นายแพทย์แมคเคนได้จ้างสมาชิกคริสตจักร(ผู้ชาย) จำนวน 150 คนมาเป็นคนปลูกฝี (vaccinator) และประกาศพระกิตติคุณไปพร้อม ๆ กัน คนเหล่านี้ได้รับการอบรมเรื่องการปลูกฝีไปพร้อมกับการประกาศพระกิตติคุณ คณะมิชชันนารีมีห้องปฏิบัติการผลิตวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษสำหรับคนฉีดวัคซีนของรัฐบาลทั่วภาคเหนือ รัฐบาลฉีดวัคซีนฟรี วัคซีนของมิชชันนารีมีค่าฉีดคนละ 1 รูปี แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมาฉีดวัคซีนของมิชชันนารีมากกว่าของฟรีจากรัฐบาล

   รายงานเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1908 นายแพทย์แมคเคนรายงานถึงการได้รับที่ดินจากรัฐบาลไทยเพื่อการสร้างโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อนที่เชียงใหม่(ทางทิศใต้ของตัวเมือง) และมีผู้ป่วยเข้าไปอาศัยอยู่ครั้งแรก 8 คนเป็นการเริ่มต้นของโรงพยาบาลโรคเรื้อนแมคเคน มีโบสถ์ทำด้วยไม้ไผ่อยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยกระท่อมไม้ไผ่ที่พักของพวกเขา จดหมายฉบับหนึ่งของนายแพทย์แมคเคน ในปี ค.ศ. 1901 ท่านเขียนไว้ว่า “…เป็นความจริงที่ว่าแพทย์มิชชันนารีอยากที่จะแยกร่างได้อย่างน้อยสัก 10 ร่าง เพราะจะได้ทำหลายสิ่งที่มีประโยชน์ … เราไม่มีเวลาทำงานได้ตามที่กำหนดไว้”

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้